คุณครู เป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง จะเป็นรองก็แต่คุณพ่อคุณแม่เท่านั้น คนไทยเรามีอัธยาศัยน่ารัก ต่างจากชนชาติอื่นอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อจะไปสมัครเป็นศิษย์ของท่านผู้ใด ก็ไม่ใช่เพียงมุ่งแต่จะไปถ่ายทอดคัดลอกวิชาความรู้จากครูอาจารย์ เสร็จแล้วก็ตีเสมอ แต่ตั้งใจจริงจะไปมอบตัวเองเป็นลูกเต้าของท่านด้วย ไทยเราจึงนิยมใช้คำเต็มอย่างภาคภูมิว่า “ลูกศิษย์” หมายถึง ยินยอมมอบตัวลงเป็นทั้งลูกทั้งศิษย์ของท่านผู้เป็นครู
จากวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยเรา จะเห็นความกตัญญูต่อครูได้เด่นชัด ตั้งแต่พิธีมอบตัวเป็นศิษย์ พ่อแม่จะพาลูกไปฝากฝังมอบกายถวายตัวแก่คุณครูพร้อมเครื่องสักการะ พร้อมทั้งออกปากอนุญาตให้เฆี่ยนตีสั่งสอนได้เหมือนลูก
คำว่า “ครู” เราได้นำมาใช้ในภาษาไทยมานานแล้ว และก็ดูเหมือนว่าเรายังไม่มีคำไหนมีความหมายพอที่จะใช้แทนคำว่า ครู ได้ ครูมีอยู่ 3 ชั้นด้วยกัน คือ
1. ครูประจำบ้าน ได้แก่ พ่อ แม่
2. ครูประจำโรงเรียน ได้แก่ ครู อาจารย์ที่สอนศิลปวิทยาแก่ศิษย์
3. ครูประจำโลก ได้แก่ พระพุทธเจ้า
ครูทั้ง 3 ประเภทนี้ กล่าวถึงหน้าที่โดยย่อ ๆ ได้แก่
1. ครูสอนศิลปวิทยา
2. ครูบอกวิชาศีลธรรม
3. ครูแนะนำให้พ้นทุกข์
ครู 3 ระดับนี้ เป็นผู้รับผิดชอบต่อความเป็นไปของชีวิตคน คือ
1. ครูประจำบ้าน ได้แก่ พ่อ แม่
2. ครูประจำโรงเรียน ได้แก่ ครู อาจารย์ที่สอนศิลปวิทยาแก่ศิษย์
3. ครูประจำโลก ได้แก่ พระพุทธเจ้า
ครูทั้ง 3 ประเภทนี้ กล่าวถึงหน้าที่โดยย่อ ๆ ได้แก่
1. ครูสอนศิลปวิทยา
2. ครูบอกวิชาศีลธรรม
3. ครูแนะนำให้พ้นทุกข์
ครู 3 ระดับนี้ เป็นผู้รับผิดชอบต่อความเป็นไปของชีวิตคน คือ
หากลูกตัว ชั่วโฉด โทษพ่อแม่
หากศิษย์แส่ ชั่วโฉด โทษครูสอน
ประชาราษฎร์ ชั่วโฉด โทษภูธร
เจ้านคร ชั่วโฉด โทษราชครู
หากศิษย์แส่ ชั่วโฉด โทษครูสอน
ประชาราษฎร์ ชั่วโฉด โทษภูธร
เจ้านคร ชั่วโฉด โทษราชครู